แจกสูตรอาหารไทยที่ใครๆ ก็ทำได้ – ประเด็นหลัก
อาหารไทยนั้นได้ชื่อว่า มีรสชาติเผ็ดร้อน และกลิ่นหอมน่ากิน ยังมีหลายคนที่แอบติดใจอาหารไทยอยู่ไม่น้อย สำหรับ สูตรอาหาร บางเมนูก็มีความเป็นมาอย่างยาวนาน และกลายเป็นตำนานไปแล้ว เชื่อเถอะว่าเสน่ห์อาหารไทยนอกจากจะขึ้นอยู่กับการลงมือปรุงรส รสชาติอาหาร การจัดตกแต่งให้สวยงามแล้ว ยังเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่น่าหลงใหลไม่แพ้กัน
คุณรู้ไหมคะ ว่าการทำอาหารไทยอย่างแกงต่างๆ หรือแม้แต่อาหารกินเล่น จะต้องมีความพิถีพิถันในการหาวัตถุดิบ และเครื่องปรุง เช่น เครื่องต้องถึง กลิ่นต้องหอม อย่างเช่น สูตรอาหาร ที่เรานำมาแจกในวันนี้ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว ขอบอกเลยค่ะ ว่าชื่อเมนูดูเหมือนจะทำยาก แต่ถ้าหากได้ลองทำแล้วไม่ยากอย่างที่คิด เมนูที่ว่านี้ก็คือ….
1.มัสมั่นไก่
“มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา” เป็นบทกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาว-หวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับความเป็นมาของเแกงมัสมั่น ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะคะ ว่าบางคนจำแกงมัสมั่นสลับกับแกงกะหรี่ ถ้าจะสังเกตความแตกต่างนั้นง่ายมากค่ะ เครื่องแกงมัสมั่นไม่มีผงกะหรี่เป็นส่วนประกอบ แต่มีส่วนผสมหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน ทั้งรสชาติและหน้าตา ทำให้คนสับสนนั่นเอง เอาเป็นว่าเริ่มแยกกันได้แล้วใช่ไหมคะ ว่าทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับมัสมั่นกันเลยดีกว่าค่ะ
แกงมัสมั่นเป็น สูตรอาหาร ต้นตำรับดั้งเดิมของชาวอินเดีย จะนิยมใช้เนื้อวัวในการปรุง และใส่เครื่องเทศอย่างเต็มที่ ทำให้แกงมีรสชาติที่เผ็ดร้อน หวาน เค็ม และมัน เมื่อชาวอินเดียย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ตามเมืองต่างๆ หรือประเทศต่างๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะนำแกงมัสมั่นด้วย และมีการปรับเปลี่ยนสูตรให้ถูกกับรสชาติอีกด้วย เช่นเปลี่ยนเนื้อสัตว์ และการลดเครื่องเทศลง เป็นต้น สูตรอาหาร นี้มีมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นำเข้ามาโดยแขกเปอร์เซีย และชาวอิหร่าน และเข้ามาอยู่ในทำเนียบอาหารไทยตั้งแต่รัชกาลที่ 2 หรือประมาณ 230 กว่าปีมาแล้ว แกงมัสมั่นแต่ละประเทศก็มีรสชาติต่างกันไปตามวัตถุดิบ เราลองไปดูกันว่าการทำมัสมั่น 1 ถ้วย ต้องใช้วัตถุดิบ และมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง
ส่วนผสม
1.น่องไก่ หรืออกไก่ ½ กิโลกรัม
2.พริกแกงมัสมั่นไก่ 200 กรัม
3.มันฝรั่งล้าง และต้มให้สุกหั่นเป็นชิ้นใหญ่ 4-5 หัว
4.หอมใหญ่ 3 หัว
5.ถั่วลิสงคั่ว ¼ ถ้วย
6.น้ำปลาอย่างดี ¼ ถ้วย
7.น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย
8.น้ำมะขามเปียก ¼ ถ้วย
9.หัวกะทิ 1 ถ้วย
10.หางกะทิ 4 ถ้วย
วิธีทำ
เมื่อเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ ครบแล้ว เริ่มจากตั้งไฟให้ร้อน เทหัวกะทิลงกระทะ เคี่ยวให้แตกมัน แล้วใส่พริกแกงตามลงไป ผัดจนส่งกลิ่นหอม ใส่น่องไก่ผัดให้เข้ากันจนสุก แล้วเทหางกะทิลงไป เคี่ยวให้เนื้อไก่เปื่อย แล้วเบาไฟลง ปรุงรสตามใจชอบ เหยาะน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ตบท้ายด้วยน้ำมะขามเปียก หากรสไหนอ่อนหรือจัดไป ก็ปรับลดกันตามใจชอบได้นะคะ หลังจากปรุงรสกันเป็นที่เรียบร้อย ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย ใส่หัวหอมและมันฝรั่งลงไป รอให้เดือดอีกรอบ ปิดจ๊อบโดยการโรยถั่วลิสงคั่วลงไป ปิดไฟตักใส่ชาม กินกับข้าวร้อนๆ หรือกินกับโรตีก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ
2.ห่อหมก
ห่อหมกเป็นอาหารที่มีมาแต่โบราณ มีวิธีการปรุงให้สุกด้วยการนึ่ง โดยจะมีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ เนื้อปลา นำมาผสมกับเครื่องแกง และกะทิ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วห่อหมกจะมีรสชาติเผ็ดนำ มีความมันของกะทิบวกกับความละมุนของเนื้อปลาที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน กินพร้อมกับผักที่รองอยู่ในส่วนท้ายด้วยแล้ว ความเผ็ดจะถูกแทนที่ด้วยความหวานของน้ำผักแทน ถือว่าลงตัวที่สุดแล้วค่ะ
วัตถุดิบ
1.เนื้อปลาบด 500 กรัม
2.เนื้อปลาสไลด์ 200 กรัม
3.น้ำพริกแกงเผ็ด 100 กรัม
4.น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำปลา 1/4 ถ้วยตวง
6.แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนชา
7.ไข่ไก่ 1 ฟอง
8.กะทิ 2 ถ้วยตวง
9.กะหล่ำปลีซอย หรือใบยอ
10.ใบโหระพา
11.พริกชี้ฟ้าซอย
12.ใบมะกรูดหั่นฝอย
13.กระทงใบตอง หรือถ้วย
14.หัวกะทิ (สำหรับตกแต่ง) 1/3 ถ้วย
วิธีทำ
วัตถุดิบของเมนูนี้ค่อนข้างเยอะนะคะ แต่ไม่มีอะไรยุ่งยากอย่างที่คิด อย่าเพิ่งกังวลไปค่ะ ลองมาทำตามกันดู เริ่มจากนำพริกแกงเผ็ดใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ ตามด้วยเนื้อปลาบด ไข่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำปลา น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ในระหว่างคน ค่อยๆ เทกะทิลงไป แล้วผสมให้เนื้อทั้งหมดเข้ากัน ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการหยอดห่อหมกใส่กระทงแล้วค่ะ หากบ้านไหนไม่มีกระทงใบตอง ให้เปลี่ยนมาใช้เป็นถ้วยแทนก็ได้นะคะ หยอดเนื้อห่อหมกลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่เนื้อปลาลงไปตรงกลาง จากนั้นให้หยอดทับอีกทีก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน นำกระทงห่อหมกไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพียงเท่านี้คุณก็มีห่อหมกหอมๆ หน้าตาน่ากินแล้วค่ะ อ้อ! อย่าลืมแต่งหน้าด้วยหัวกะทิกับพริกชี้ฟ้าด้วยนะคะ
3.ขนมปังหน้าหมู
เป็นเมนูอาหารง่ายๆ ทำเป็นของว่างให้เด็กๆ กิน หรือทำเป็นของฝากเพื่อนฝูงก็ได้ วิธีทำขนมปังหน้าหมูนี้มีส่วนประกอบไม่มาก ทำง่ายไม่ยุ่งยาก เนื้อหมูที่เราหมักต้องครบรส ขั้นตอนสำคัญอยู่ที่การทอดขนมปังและหมูอย่างไรให้สุกพอดี ไม่อมน้ำมัน มาดูวิธีทำกันดีกว่าค่ะ
วัตถุดิบ
1.ขนมปัง 5 แผ่น
2.หมูสับ 200 กรัม
3.ไข่ไก่ 1 ฟอง
4.น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
5.ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
6.ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
7.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
8.พริกไทย ½ ช้อนชา
9.ผักชี 1 ต้น
10.น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย
วิธีทำ
นำขนมปัง 1 แผ่น มาตัดแบ่งเป็น 4 ชิ้น ปรุงรสหมูสับด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ได้แก่ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ตอกไข่ใส่ในหมูสับที่ปรุงรสไว้ คนให้เข้ากัน ล้างก้านผักชีให้สะอาดแล้วนำไปซอยหยาบผสมให้เข้ากัน เมื่อได้หน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปะหน้าหมูสับลงบนขนมปังที่เราหั่นไว้แล้ว จากนั้นนำไปทอดให้หน้าหมูเหลืองดี แล้วกลับด้าน รอให้ด้านที่เป็นขนมปังเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักบนกระดาษซับให้สะเด็ดน้ำมัน จัดขนมปังหน้าหมูใส่จานเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
4.ผัดไทย
ผัดไทยมีมาตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมานิยมรับประทานก๋วยเตี๋ยว เพื่อลดการบริโภคข้าวภายในประเทศ เนื่องจากในช่วงนั้นสภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ข้าวแพง คนไทยจึงหันมากินอาหารเส้น อย่างผัดไทย เพราะสามารถหาซื้อกินได้ตามท้องตลาดทั่วไป เดิมทีผัดไทยนั้นมีชื่อเรียกว่า “ก๋วยเตี๋ยวผัด” แล้วเปลี่ยนมาเป็น “ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย” ตามชื่อใหม่ของประเทศ ปัจจุบันเรียกกันง่ายๆ ว่า “ผัดไทย” วิธีการทำอาหารจานนี้จะยากง่ายสักเท่าไร ลองไปดูกันค่ะ
วัตถุดิบ
1.น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
2.ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์สด 150 กรัม
3.กุยช่ายหั่นท่อน 3 ต้น
4.ถั่วงอก 1 ถ้วย
5.เต้าหู้ขาวแข็งหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็ก 2-3 ช้อนโต๊ะ
6.หัวไชโป๊เค็มสับ 1 ช้อนโต๊ะ
7.กุ้งแชบ๊วยสดแกะเปลือก 5-6 ตัว
8.กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
9.ไข่ไก่ 1 ฟอง
10.หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำซอสผัดไทย 1/3 ถ้วย
12.น้ำ ½ ถ้วย
13.พริกป่น 1 ช้อนชา
14.ถั่วลิสงคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำซอส
1.น้ำมะขามเปียก ¾ ช้อนโต๊ะ
2.น้ำตาลปี๊บ 1¼ ถ้วย
3.น้ำปลา ½ ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย
วิธีทำ
เริ่มจากตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน ผัดเส้นให้สุก พรมน้ำสักหน่อยเพื่อไม่ให้เส้นติดกระทะ ใส่เต้าหู้ กุ้งแห้ง หอมแดง หัวไชโป๊สับ ผัดให้เข้ากัน ใส่กุ้งสดลงไปผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่ซอสที่ผสมไว้แล้ว ส่วนประกอบของซอส คือ มะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำส้มสายชู กะปริมาณในการใส่ซอสแค่พอประมาณ ผัดให้ซอสนั้นกระจายไปทั่วเส้น ตอกไข่ใส่ลงไป ตามด้วยกุยช่ายหั่นท่อน ผัดเครื่องกับเส้นให้เข้ากัน แล้วจัดใส่จาน โรยถั่วลิสงคั่วบด กินพร้อมถั่วงอกดิบ เท่านี้ก็ฟินสุดๆ แล้วจ้า
5.ต้มโคล้งทะเล
เมนูสุดท้ายเป็นต้มโคล้งทะเลจี๊ดจ๊าด ที่จัดว่าเป็นอาหารไทยยอดนิยม ต้มโคล้งมีคุณสมบัติเฉพาะตัวคือ รสจัดจ้าน ของสมุนไพร และไม่ใส่น้ำตาล รับรองเลยว่าขั้นตอนการทำไม่ซับซ้อน ทำง่ายเหมือนเมนูก่อนๆ อย่างแน่นอน แถมเมนูนี้กินกับข้าวก็ดี หรือจะนำมาทำเป็นกับแกล้มเอาไว้สังสรรค์กับเพื่อนก็ยังได้ เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าจะมีขั้นตอนการทำอย่างไร
ส่วนผสม
1.กุ้งสด 3 ตัว
2.ปลาหมึกสด หั่นพอคำ 1 ตัว
3.หอยแมลงภู่สด 4 ตัว
4.เนื้อปลาสด หั่นพอคำ 4 ชิ้น
5.น้ำซุปกระดูกหมู 4 ถ้วยตวง
6.เห็ดโคน หั่น 4–5 หัว
7.น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
8.หัวหอมแดง 3 หัว
9.เกลือ 1 ช้อนชา
10.พริกแห้งเผา 4 เม็ด
11.ต้นตะไคร้บุบ 3–4 ท่อน
12.ใบมะกรูด ฉีก 2–3 ใบ
13.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตั้งหม้อแล้วต้มน้ำซุปให้เดือด จากนั้นใส่หอมแดง เห็ด ตะไคร้ และใบมะกรูดลงไปต้ม ต่อมาเป็นทีของเครื่องซีฟู้ดแล้วค่ะ เทตามไปติดๆ ด้วย กุ้ง เนื้อปลา หมึกสด และหอย จากนั้นก็ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก เกลือ พริก และน้ำมะนาว เท่านี้ก็เสร็จพร้อมรับประทานค่ะ ขอแนะนำเพิ่มเติมสักนิดว่า ถ้าจะให้ดีต้องใช้น้ำซุปกระดูกหมู เคี่ยวจนหวาน ยิ่งเคี่ยวนาน ยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้นค่ะ
และนี่ก็เป็น สูตรอาหาร ไทยที่เรานำมาฝากผู้ที่อยากลองหันมาทำเมนูอาหารไทยค่ะ หวังว่าจะลองนำไปฝึกทำกันดูนะคะ เพราะนอกจากจะมีหน้าตาที่น่ากินแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงสุขภาพในด้านต่างๆ อีกมากมายด้วย นี่แหละค่ะที่เขาเรียกว่า “อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” ได้รับการการันตีว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติดี กลมกล่อม แถมยังเป็นสูตรอาหารที่อร่อยถูกปากทั้งคนไทย และต่างชาติอีกด้วย
นามปากกา เรด้าห์
เป็นเรด้าห์ที่คอยติดตามเรื่องกินเรื่องเที่ยวชอบเสาะแสวงหา สถานที่แปลกใหม่อยู่เสมอ ปัญหาสำคัญนั่นก็คือ !! ถึงจะเป็นนักเขียน เรื่องเที่ยวก็ทำให้น้ำหนักไม่ค่อยจะลดลงซะที