เทคนิคคลายความเผ็ดได้อย่างรวดเร็ว
รู้หรือไม่? …น้ำ… เป็นตัวนำความเผ็ดชั้นดี ช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อน และสามารถกระจายความเผ็ดได้รวดเร็วมา สำหรับวิธีแก้ เผ็ด สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความสะดวก และความถนัดของแต่ละคน
“รสเผ็ด” กับ “อาหารไทย” ถือเป็นของคู่กัน ไม่ว่าอาหารมื้อไหนเราก็พบกับความเผ็ดตลอดเวลา แต่ความ “เผ็ด” ที่ว่านี้ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่คน เผ็ดมาก เผ็ดน้อย บ้างก็เผ็ดจัดจนถึงที่สุด ทำเอาน้ำหูน้ำตาไหลเลยทีเดียว ถ้าเผ็ดขนาดนี้ล่ะก็ ทำอย่างไรดีถึงจะหายเผ็ดนะ? ซี๊ดซาด…ซี๊ดซาด… มาดูวิธีแก้เผ็ดที่เรานำมาฝากในวันนี้กันดีกว่าค่ะ
ว่าด้วยเรื่องของพริก
ประโยชน์ของพริกมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น ช่วยเพิ่มสารแห่งความสุข (Endophins) บรรเทาอาการเจ็บปวด บรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก และลดปริมาณคอเรสเตอรอล จากงานวิจัยประเทศญี่ปุ่น พบว่า พริกช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย ส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญ มีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก ขณะเดียวกันยังช่วยละลายเสมหะที่เหนียวข้นให้จางลง ทำให้ขับออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ป่วยหอบหืด พริกจะช่วยให้หลอดลมขยายตัวได้ดี ไม่หดเกร็ง ดังนั้น คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืด กินพริกแล้วจะดี
ห้ามดื่มน้ำเชียวนะ !
“น้ำ” คงเป็นคำตอบแรกของใครหลายคนที่เลือกกันเมื่อกินอาหารเผ็ดร้อน แต่เดี๋ยวก่อน!! นั่นเป็นวิธีแก้เผ็ดที่เชื่อกันแบบผิดๆ นะคะ เพราะน้ำเย็นสามารถช่วยระงับความเผ็ดได้ในขั้นแรกเท่านั้น แต่เมื่อเรากลืนน้ำลงไปปุ๊บ ความเย็นของน้ำก็จางหายไป ความร้อนแรงของพริกจะกระจายเพิ่มขึ้นทั่วปากและลำคอทันที ดังนั้น ไม่ว่าเราจะดื่มน้ำเข้าไปเท่าไรความเผ็ดก็ไม่เคยคลาย แถมกลับทวีความเผ็ดร้อนยิ่งขึ้นเสียอีก เหตุเพราะน้ำเป็นตัวนำความเผ็ดชั้นดี และเป็นตัวกระจายความเผ็ดที่รวดเร็วมาก รู้อย่างนี้แล้วครั้งหน้าอย่าเผลอดื่มน้ำอีกละกัน
วิธีดับความเผ็ดร้อน
1.ลดความ “เผ็ด” ด้วยความ “หวาน”
ใครที่มีอาการเผ็ด และเลือกกินของหวานตามนับว่าฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก เพราะความหวานในน้ำตาลสามารถปรับสภาพความเผ็ดร้อนในปากให้เป็นปกติ กล่าวคือ ถ้าเรายิ่งกินเผ็ดเท่าไรก็ต้องกินน้ำตาลมากขึ้นเท่านั้น เพื่อกลบความร้อนให้หายไป ตามแบบทฤษฏีความหวานลดความเผ็ดนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ เพราะหน่วยวัดความร้อนของพริกที่เรียกกันว่า หน่วยสโคลิวว์ (Scoville Heat Unit) สามารถนำมาใช้คำนวณเพื่อหาปริมาณความหวานที่ใช้ลดความร้อนได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว
2.ดื่มนมเย็นๆ
จากการทดลองศึกษาค้นคว้าของสถาบันรสและกลิ่นในกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. สหรัฐอเมริกา ชี้แจงว่า ถ้ารู้สึกเผ็ดมากให้ดื่มนมสด เพราะนมมีสารเคซีอีน (Casein) ทำหน้าที่คล้ายผงซักฟอก ขจัดสารแคปไซซินต้นตอของความเผ็ด จึงสามารถดับความเผ็ดร้อนได้อย่างถอนรากถอนโคน สารเคซีอีนที่ว่านี้จะมีอยู่ในผลิตภัณฑ์จากนมแทบทุกชนิด เช่น โยเกิร์ต เนย หรือซอสที่ทำมาจากนมอย่างซาวครีม
ส่วนวิธีแก้เผ็ดด้วยนม สามารถทำได้โดยอมไว้ในปากสักครู่ หากยังไม่หายให้ดื่มต่อไปเรื่อยๆ ไม่นานความเผ็ดในช่องปาก และลิ้นจะหายไป นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นที่เกี่ยวกับนม เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ต หรือชีส ก็สามารถรับประทานแก้อาการเผ็ดได้เช่นกัน
3.กินโยเกิร์ต “ดีกว่า”
นอกจากนมที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็มี “โยเกิร์ต” นี่แหละค่ะ ที่เป็นผู้ช่วยมือดี เพราะว่าสารเคซีอีนในโยเกิร์ตทำหน้าที่ช่วยลดความเผ็ดได้ดีกว่านมเสียอีก เนื่องจากโยเกิร์ตมีกรดแลคติก และไขมันนม ที่ช่วยละลายสารแคปไซซิน (สารให้ความเผ็ด) ซึ่งมีผลให้สารเคซีอีนทำงานได้ดียิ่งขึ้น เรียกได้ว่าหายเผ็ดอย่างถาวรเลยค่ะ ดังนั้น ก่อนกินอาหารเผ็ดครั้งต่อไป เห็นทีต้องพกนมสดหรือโยเกิร์ตติดตัวไว้ซะแล้ว ห้ามลืมเด็ดขาด…!!
4.ดื่มแอลกอฮอล์เย็นเจี๊ยบ
ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะสามารถบรรเทาความเผ็ดร้อนให้ลดลงได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ และความเย็นด้วย กล่าวกันว่าหากดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีสูง และเย็นจัด จะสามารถดับความเผ็ดอย่างเห็นผลได้ชัด แต่ในทางกลับกัน ถ้าดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีต่ำไม่ว่าจะอุณหภูมิต่ำหรือสูง ก็ไม่สามารถลดความเผ็ดลงได้ แถมยังทวีความร้อนแรงคูณสองไม่ต่างจากกินน้ำเย็นเลย จึงทำให้เหล่าบรรดานักดื่มไม่เคยหวั่นต่อการกินกับแกล้มเผ็ดๆ อย่างไรก็แล้วแต่ “ต้องขอแอลกอฮอล์เย็นเจี๊ยบและดีกรีสูง” ไว้ก่อน
5.การปล่อยให้น้ำลายไหลออกมา
สำหรับวิธีนี้เป็นวิธีบ้านๆ เลย เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยทำกันทั้งนั้น โดยการปล่อยให้น้ำลายไหลออกมาเองแบบไม่ต้องฝืนกินน้ำ หรือกินอะไรอื่นๆ เพียงแค่อ้าปาก แลบลิ้นให้น้ำลายไหลออกมาสัก 3-4 หยด แต่ถ้ายังไม่หายเผ็ด ลองทำต่อไปอีกสักพัก ความเผ็ดจะทุเลาลง วิธีนี้ต้องทำเป็นการส่วนตัวหน่อยนะ เพราะหากทำน้ำลายหยดต่อหน้าคนอื่น อาจทำให้ภาพลักษณ์ของคุณเสียได้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ข้อควรระวัง กลุ่มคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เพราะความเผ็ดจะทำให้กรดไปกัดแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนเด็กและคนแก่ที่สำลักง่ายก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะถ้าสำลักเข้าหลอดลม กรดอาจจะไปกัดหลอดลม ทำให้เกิดปัญหาหลอดลมหดเกร็ง ตีบ บวม หายใจไม่ออกได้
และนี้ก็เป็นเคล็ดลับดีๆ สำหรับวิธีแก้เผ็ดที่เรานำมาฝากในวันนี้ สะดวกใช้วิธีไหนก็เลือกเอาเลย ทีนี้ก็ไม่ต้องทนกับความเผ็ดกันอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงพริกจะมีประโยชน์หลายอย่าง แต่ก็ต้องคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลักด้วย หากจะรับประทานอาหาร ก็ไม่ควรทานอาหารที่มีรสจัดจนเกินไป เพราะอาจส่งผลไปถึงสุขภาพของเราในวันข้างหน้า
เรียบเรียงโดย อันดามัน
เป็นผู้ที่หลงรักทะเลสีครามของอันดามันมีความหลงใหลในการท่องเที่ยว และมักเกิดอารมณ์สุนทรีชอบเขียน บทความต่างๆ จากประสบการณ์เที่ยวแต่ละครั้ง และยังมีความชื่นชอบเสาะหาร้านอร่อยมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะ