ความรู้ทั่วไป : ขนมบนโต๊ะน้ำชา

วัฒนธรรมจิบน้ำชายามบ่ายของเหล่าผู้ดีอังกฤษเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน เป็นช่วงมื้อคั่นกลางก่อนจะกินอาหารเย็นตอนสองทุ่ม วัฒนธรรมนี้แบ่งออกเป็น 2 แบบที่เราอาจจะคุ้นหู คือ High tea และ Afternoon tea ซึ่งเราจะเข้าใจผิดกันไปว่า High tea คือ การดื่มชาของชนชั้นสูง จริงๆ คือ เป็นการดื่มชาในมื้ออาหารหลัก คือ มื้อเช้า และมื้อเย็น ส่วนมื้อรอง คือ Afternoon tea ซึ่งบรรยากาศของโต๊ะน้ำชายามบ่าย จะเต็มไปด้วยความผ่อนคลายพูดคุยสนุกสนานในหมู่เพื่อนฝูง โดยอาจจะจัดในสวนหรือในห้องรับแขก

สิ่งสำคัญของโต๊ะน้ำชา นอกจากชาแล้ว แน่นอนว่า ขนม ที่กินแกล้มน้ำชาเองก็สำคัญเช่นกัน โดยของว่างที่กินคู่กับ Afternoon tea และ High tea จะแตกต่างกัน เนื่องจากช่วงเวลาในการกินของ Afternoon tea เป็นช่วงคั่นเวลาจากอาหารมื้อหลัก ของว่างที่กินคู่กับน้ำชาจึงต้องไม่หนักท้องจนเกินไป ได้แก่ สโคน แซนด์วิช เค้กหรือขนมอบ เป็นต้น แต่มื้อหลักอย่าง High tea จำเป็นจะต้องเลือกชนิดอาหารให้หนักท้องมากขึ้น ได้แก่ ช็อกโกแลต ทาร์ต ขนมปัง และเมนูเนื้อสัตว์ เป็นต้น นิยมจัดเรียงลำดับการรับประทานของอาหารว่าง 3 ประเภท คือ อาหารคาว (Savories) ได้แก่ แซนด์วิชชิ้นเล็ก หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย (appetizers) จากนั้นคือ สโคน (Scone) ซึ่งจะเสิร์ฟมาพร้อมกับแยม และคลอทครีม (clotted cream) จบท้ายด้วยขนมอบ (Pastries) เช่น เค้ก คุกกี้ ชอร์ทเบรด

นอกจากแบ่งแยกการดื่มชาตามมื้อแล้ว Afternoon tea เองก็มีหลายรูปแบบ ดังจะยกตัวอย่างต่อไปนี้

Light Tea : มักกินน้ำชาคู่กันกับสโคน (ไม่กินครีม) และขนมชิ้นเล็กๆ เช่น ลูกกวาด หรือคุกกี้

Cream Tea : มักกินน้ำชาคู่กับกับสโคน โดยมี แยม และคลอทครีม (Clotted Cream) แกล้มกับสโคน

Full Tea : เป็นการกินน้ำชา ร่วมกับสโคน แซนด์วิช และขนมอื่นๆ อีกหลากหลายชนิด

ตัวอย่างเมนูที่กินคู่กับน้ำชา ประเภทขนมปัง

แซนด์วิช : มักทำออกมาเป็นมินิแซนด์วิชชิ้นเล็กๆ พอดีคำ มีทั้งการทำออกมาให้เป็นของหวานและของคาว แล้วแต่ฝีมือเชฟแต่ละที่จะสร้างสรรค์ เช่น แซนด์วิชแซลมอนรมควัน แซนด์วิชข้าวโอ๊ต ซาวครีม แตงกวา แซนด์วิชไก่บด แซนด์วิชพาร์มาแฮม ไข่หวาน ในส่วน

ตัวอย่างแซนด์วิชหวาน ได้แก่ แซนด์วิชไส้วิปครีมและผลไม้สด แซนด์วิชแยมส้ม เป็นต้น

สโคน : เป็น ขนม ที่รสสัมผัสคล้ายคุกกี้แต่ทำชิ้นหนาๆ กินคู่กับครีม หรือแยม โดยสูตรออริจินอลจะเป็นรสเนย แต่ในปัจจุบันมีการคิดสูตรเพิ่มขึ้นมาหลากหลาย เช่น สโคนส้ม สโคนชาเอิร์ลเกรย์ สโคนชากุหลาบ สโคนอัลมอนด์ สโคนช็อกชิพ สโคนชาเขียวแมคคาเดเมีย สโคนช็อกโกแลต สโคนลาเวนเดอร์ สโคนมอคค่า เป็นต้น

กริสสินี่ : ขนมปังแท่งอบกรอบ ที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่า “ขนมขาไก่” มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ต้นตำรับนิยมกินเป็นของเรียกน้ำย่อยคู่กับพาร์มาแฮม ในปัจจุบันมีการดัดแปลงให้หลากหลายขึ้นเช่น รสชีส รสเบคอน คลุกงา เคลือบน้ำตาล เป็นต้น

บาร์แกต : Baquette หรือ French Bread คนไทยเราเรียกว่า “ขนมปังฝรั่งเศส” จะมีผิวด้านนอกแข็งกรอบ ด้านในนุ่มเหนียว นิยมอบเป็นแท่งยาวคล้ายกระบอง เวลากินจะหั่นเฉียงเป็นชิ้นรีๆ กินเป็นขนมปังแซนด์วิชก็ได้ หรือกินเป็นอาหารเช้าแบบทาเนย ทาแยมก็ได้

คานาเป้ : เป็นอาหารว่างที่ตกแต่งได้น่ารักหลากหลาย ปกติใช้แครกเกอร์เป็นฐาน และตกแต่งด้วยชีส คาร์เวียร์ ฟัวกรา ซอส หรือเครื่องเคียงอื่นๆ มีทั้งแบบคาวและหวาน ปัจจุบันพัฒนาจากแครกเกอร์เป็นถ้วยคุกกี้แบบทาร์ตก็มี

ตัวอย่างเมนูขนมหวานที่นิยมกินกับน้ำชา

คุกกี้ : เป็น ขนม สุดคลาสสิกที่สามารถรังสรรค์ให้งดงามได้หลากหลายรูปแบบ ตามปกติจะแบ่งตามรสชาติออกเป็น 2 ประเภท คือ คุกกี้ไข่ และคุกกี้เนย และจะทำให้แตกต่างออกไปตามแต่รูปร่าง ส่วนผสม และการตกแต่งรูปร่างหน้าตาต่างๆ คุกกี้ที่นิยมทำให้ได้รูปร่างสวยงามมากที่สุดคือ คุกกี้น้ำตาลรอยัลไอซิ่ง

คัพเค้ก: บัตเตอร์เค้กในถ้วยชิ้นเล็กพอดีมือ ตกแต่งหน้าตาได้หลากหลายและปรับส่วนผสมเพิ่มได้หลากหลายรสชาติ จะใส่ไส้ไว้ตรงกลางหรือแต่งหน้าด้วยครีม และน้ำตาลก็น่ารับประทานทั้งนั้น คัพเค้กที่ดีจะต้องมีกลิ่นหอมของเนย รสชาติเข้มข้น เนื้อแน่นแต่นุ่มลิ้น และไม่แห้งจนเกินไป

มาการอง : คุกกี้ชิ้นเล็กๆ กลมๆ 2 ชิ้นประกบกัน ตรงกลางมีไส้ หน้าตาเหมือนแฮมเบอร์เกอร์ รสหวาน สีสันสดใส มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนผสมหลักคือ อัลมอนด์ น้ำตาล และไข่ขาว สอดไส้ตรงกลางด้วยกานาซ (Ganache) มีหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์ รี วานิลลา อัลมอนด์ หรือผลไม้ตามฤดูกาล เป็นต้น เมื่อกัดเข้าไปด้านใน ทุกอณูนิ่มละลายในปากทันที

พานาคอตต้า: ขนมหวานเสิร์ฟมาในถ้วยสีสันสวยงามน่ารัก ทำจากครีมเยลลี่รสนม ราดแยมน้ำเชื่อมรสเปรี้ยวด้านบน รสชาติยอดนิยมคือ รสสตรอเบอรี่หวานเปรี้ยว แต่ในปัจจุบันมาการพัฒนาสูตรเพิ่มเติม ทั้งเสาวรส ส้ม ชาเขียว มะม่วง บลูเบอร์รี กีวี เป็นต้น

เป็นยังไงบ้างคะ พออ่านเรื่องราวเกี่ยวกับปาร์ตี้น้ำชาแล้ว อยากจัดโต๊ะจิบชายามบ่ายกันเลยหรือเปล่า ผู้เขียนเองก็ยอมรับนะคะว่า การใส่ชุดน่ารักๆ ฟูฟ่องจิบชาในสวนดอกไม้เป็นความฝันอย่างหนึ่งเลย ว่างๆ ก็อยากจะหาโอกาสสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นเหมือนกันนะ คุณผู้อ่านก็สามารถลองสร้างประสบการณ์สุดพิเศษนี้ในแบบของตัวเองได้ หรือจะไปใช้บริการคาเฟ่ ก็มีให้เลือกมากมายค่ะ และกลับมาแบ่งปันประสบการณ์กันได้นะคะ