เมืองลับแล ตำนานแห่งเมืองปริศนา

4729
เมืองลับแล cover

เมืองลับแล ตำนานแห่งเมืองปริศนา

เมืองลับแล ตั้งอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ มีเรื่องเล่าว่าเป็นเมืองที่สวยงามและมีแต่หญิงสาวสวย ผู้ที่ได้เข้าไปในเมืองจะต้องไม่พูดคำโกหก มีคนพูดปดถูกไล่ออกมา ได้ของติดไม้ติดมือจากหญิงสาวกลับมาเป็นคำทองบริสุทธิ์

ความเชื่อเกี่ยวกับตำนานเมืองลับแลของคนไทยนั้นมีมาเนิ่นนาน และเป็นเรื่องราวที่เรามักได้ยินมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ เมืองลับแลในความเชื่อของผู้คนในสมัยก่อนมีอยู่หลายแห่ง และเรื่องเล่าเมืองลับแลที่เราจะพูดถึงวันนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์
ว่ากันว่าเป็นเมืองของคนดี หากใครพูดโกหกจะต้องถูกขับไล่ออกจากเมือง และเรื่องเล่าต่อไปนี้ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ

เมืองลับแล 1

เรื่องเล่าเมืองลับแล

เรื่องแรก เริ่มจากครั้งหนึ่งมีหนุ่มเมืองใต้ (เมืองทุ่งยั้ง) แอบเดินทางหลงป่าไปทางเหนือ ได้เห็นสาวสวยออกจากเมืองลับแลมาโดยซ่อนกุญแจไว้ ชายหนุ่มจึงแอบขโมยกุญแจ และใช้เล่ห์กลมนต์อุบาย เกี้ยวพาราสีจนสาวหลงเชื่อพาไปอยู่กินเป็นสามีในเมืองลับแล ชายหนุ่มได้เห็นความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของเมือง และในเมืองก็มีแต่ผู้หญิงสาวสวยทั้งหมด ด้วยเหตุที่เมืองลับแลเป็นเมืองลี้ลับ คนภายนอกไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ ชาวเมืองลับแลเป็นผู้ยึดมั่นในศีลธรรม ผู้คนเคร่งครัดปฏิบัติธรรม ห้ามมีการกล่าววาจาโกหกหลอกลวงกัน

ต่อมาชายหนุ่มกับสาวงามเมืองลับแลได้มีลูกด้วยกันหนึ่งคน วันหนึ่งผู้เป็นภรรยาไปธุระนอกบ้าน เหลือเพียงชายหนุ่มและลูกตามลำพัง ลูกเกิดร้องไห้หาแม่ ชายหนุ่มจึงพูดโกหกลูกว่า “แม่มาแล้ว” เพื่อให้ลูกหยุดร้องไห้ เมื่อชาวบ้านได้ยินคำโกหกนี้ จึงขับไล่ชายหนุ่มผู้นั้นออกจากเมือง ภรรยาซึ่งรักสามีก็ไม่อาจช่วยได้ และเกรงว่าสามีจะได้รับความลำบากจึงแอบเอาของสำคัญใส่ย่ามให้สามีโดยกำชับว่า เมื่อถึงบ้านให้เอาออกมาดู ห้ามเอาออกมาดูระหว่างทาง เมื่อเดินทางพ้นเมืองลับแล ชายหนุ่มจึงอยากรู้ว่าภรรยาเอาอะไรใส่ถุงให้เพราะหนักเสียเหลือเกิน จึงเอาออกมาดูก็เห็นขมิ้นเต็มถุงย่าม เขาขว้างทิ้งเกือบหมดเหลือตกค้างอยู่เพียงเล็กน้อย

ครั้นกลับถึงบ้านจึงเล่าเรื่องราวเมืองลับแลให้เพื่อน ญาติ พี่น้อง ฟังพร้อมกับยืนยันคำพูดด้วยการเอาขมิ้นติดถุงย่ามออกมาอวด ปรากฏว่าขมิ้นนั้นเป็นทองคำ ด้วยความเสียดายจึงชวนพรรคพวกออกตามไปเก็บขมิ้นที่ขว้างทิ้งระหว่างทาง แต่หาทางเก่าไม่พบและไม่เห็นทางเข้าเมืองลับแล ด้วยเหตุนี้เมืองลับแลจึงเป็นเมืองอาถรรพ์ที่ชายหนุ่มทั้งหลายหวังจะเข้าไป แต่ไม่มีใครเข้าไปได้อีกเลย เหลือเพียงคำเล่าขานสืบต่อกันมาเป็นนิยายปรัมปราจวบจนทุกวันนี้

เมืองลับแล 2

เรื่องที่สอง กล่าวขานกันว่ามีผีป่าจำแลงแปลงเพศเป็นสาวงามออกมาเกี้ยวพาราสีนายพราน ผู้หลงเดินทางเข้าดง
ลับแลก็จะนิมิตให้เป็นเมืองอย่างสวยงาม มีผู้คนเป็นหญิงสาวล้วน พรานหนุ่มก็พากันหลงกลมายาของพวกนางผีสาวจนตกเป็นอาหารกันหมด ไม่มีผู้ใดสามารถรอดออกมาได้เลย ต่อมามีชายหนุ่มผู้ขมังเวทย์ชาวเมืองกัมโภช (ทุ่งยั้ง) จำนวน 3 คน ชวนกันออกไปล่าสัตว์ เดินทางแกะรอยสัตว์จนหลงเข้าใกล้ดงเมืองลับแลแดนผีดุร้ายจนถูกอำนาจมืดให้เข้าสู่นครสาวงาม เมื่อพบสาวๆ หนุ่มทั้ง 3 คน ก็หลงเกี้ยวพาราสี ถึงเวลาพลบค่ำหนุ่ม 2 คน ก็ถูกผีแม่กองกอยกินเป็นอาหาร บังเอิญหนุ่มอีก 1 คน โชคดีผีสาวตนหนึ่งได้หลอกพาเขาไปอยู่ในถ้ำและเอาเป็นสามี เมื่อถึงเวลาผีสาวกองกอยจะออกหากิน ก็จะเอาหินใหญ่ปิดปากถ้ำไว้ทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลา 2 ปี กว่า จนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อนางผีสาวออกจากถ้ำแล้วปิดถ้ำไว้ บังเอิญลูกเล่นอยู่ตรงปากถ้ำไปถูกก้อนหิน ทำให้ก้อนหินปิดปากถ้ำหล่นลง ปากถ้ำจึงถูกเปิดออก ชายหนุ่มก็วิ่งออกจากถ้ำไป ผีอีกองกอยกลับมาจึงออกวิ่งตาม ชายหนุ่มจวนตัวจึงหลบลงที่หลุมมัน เอาหัวมุดแต่หลบไม่พ้น ผีสาวตามมาทันก็เอามือจับก้นชายหนุ่ม ด้วยความตกใจและกลัวตาย ชายหนุ่มได้ผายลมออกมาเสียงดัง ผีสาวได้กลิ่นเหม็นจึงอุทานว่า “ให้เอาถุงย่ามมา” นั่นแปลว่าถูกไล่ออกจากเมือง แล้วผีสาวก็เอาถุงย่ามมาให้สามี และกลับไปหาลูกสาวในถ้ำ ชายหนุ่มได้จังหวะก็ลุกขึ้นเอาถุงย่ามสะพายบ่าแล้วรีบเดินทางเพื่อกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านจึงดูของในถุงย่ามก็พบว่าเป็นทองคำบริสุทธิ์ ชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องราวเมืองลับแลให้เพื่อนฝูงญาติพี่น้องฟัง ทุกคนจึงลงความเห็นว่าเมืองลับแลเป็นเมืองผีกินคน เป็นเมืองแม่หม้าย เมืองมหัศจรรย์ สืบต่อกันมา

เมืองลับแล 3

หลังจากที่ทุกท่านได้อ่านเรื่องลี้ลับของเมืองลับแลแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างคะ บ้างก็ว่าเป็นเรื่องจริง บ้างก็ว่าเป็นเพียงนิยายหลอกเด็กเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดกฎของเมืองนี้ที่ว่ากันว่าห้ามพูดโกหก ความจริงแล้วเราสามารถใช้กฎเกณฑ์นี้ได้กับทุกที่ และใช้ได้กับทุกคน เราควรมีความจริงใจต่อกันและพูดแต่ความจริงเท่านั้นค่ะ

เมืองลับแล ภาพอ้างอิง

เรียบเรียงโดย : โน้ตตัวที่สี่

โดเรมีฟา คือชื่อของฉัน ไม่ใช่นักดนตรีแต่คือนักเดินทาง ชอบมากที่จะได้ไปท่องโลก เห็นอะไรที่แตกต่างหรือวัฒนธรรมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีชาวต่างชาติจะทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะได้ใช้ทักษะภาษางูๆปลาๆ ก็สนุกดี ถ้าถามเรื่องกิน ชอบกินมากถึงมากที่สุด กินได้ตลอดเวลา แต่ดันไม่อ้วน ทั้งนี้อยากบอกทุกคนว่า ถ้าได้รู้จักเราแล้วไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน