อาหารทานเล่น

เกร็ดความรู้ : กินอะไรดี วันนี้มีคำตอบ

ประโยคฮิตตลอดกาลที่ทุกคนเคยเอ่ย “กินอะไรดี” เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งต่อวัน ช่างเป็นประโยคคลาสสิก เหมือนคำถามไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ถามกันไปมาไม่เคยได้คำตอบสักที เชื่อไหมคะ ว่านี่เป็นปัญหาโลกแตกที่ถึงขั้นมีการตั้งกระทู้หาทางออก หรือตั้งสูตรการกรองคำตอบเลยทีเดียว คู่รักบางคู่นี่ถึงกับทะเลาะกันเพราะคำถามนี้ เอาอย่างนี้ไหมคะ Parpaikin ขอยื่นมือเข้ามาช่วยเปิดทางบอกหลักการ เป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ เผื่อจะช่วยให้เพื่อนๆ มีคำตอบค่ะ

เริ่มกันจากข้อแรก หากมีเพื่อนข้างตัวถามขึ้นมาว่า กินอะไรดี จงถามกลับไปว่า แล้ววันนี้มีความรู้สึกอยากกินแบบไหนล่ะ รสจัด หนักท้องหรือเปล่า อาหารชาติไหน เน้นเนื้อสัตว์หรือเน้นผัก จะจิบกาแฟขนมเบาๆ หรือจะไปสายบุฟเฟ่ต์เพื่อความสะใจ หรือร่างกายต้องการเติมไอโอดีนจากอาหารทะเล เชื่อว่าพอเราเริ่มไล่ถามคำถามพวกนี้ก็จะเริ่มมีเสียงมาว่า ไม่เอานั่นไม่เอานี่ เป็นการกรองคำตอบในขั้นต้น ทีนี้พอได้แล้วก็ไปลึกลงไปอีก หากอยากอาหารรสจัด ก็ต้องพวกอาหารแซ่บ หรืออาหารอีสาน ไม่ว่าจะเป็นจิ้มจุ่ม ร้านลาบ ส้มตำปากเบิน ร้านยำข้างทาง หรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบรสจัดสะท้านลิ้น หรือถ้าจะมาสายเน้นโปรตีนเนื้อสัตว์ก็ต้องนี่เลยค่ะ ปิ้งย่าง ที่มีตัวเลือกตั้งแต่ปิ้งย่างแบบพื้นบ้านหรือเรียกว่าหมูกระทะ ไม่ก็ปิ้งย่างเกาหลี ญี่ปุ่น จะชาบูก็ได้ไม่ก็จานสเต๊กกันไปเลย ถ้าคำตอบมีว่าวันนี้เน้นผักเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ก็ต้องไปแนวเฮลธ์ตี้ เช่น อาหารเวียดนาม ร้านสลัด ร้านอาหารมังสวิรัติ แต่หากว่าสมาชิกดันตอบว่าวันนี้ขอชิลๆ นะ โอ้โห อันนี้ลิสต์คาเฟ่ทั้งหลายต้องมาเลยค่ะ หากยังตกลงกันไม่ลงตัว ลองถามต่อถึงลักษณะร้านที่อารมณ์อยากจะไป เช่น ร้านข้างทางแบบสบายๆ ร้านกินข้าวธรรมดาที่เน้นเมนูอาหารจานเดียวเยอะ หรือจะเป็นร้านริมน้ำเพื่อการสร้างบรรยากาศ ร้านในสวน ร้านกึ่งผับ หรือจะเป็นแบบซื้อแล้วเดินทานไปเรื่อยๆ ก็ไม่แปลก เมื่อถามมาถึงตรงนี้หากยังไม่สามารถสรุปได้อีก ไม่เป็นไรค่ะ ถามต่อเลย เอาอย่างนี้แล้วกัน มีงบเท่าไรกันวันนี้ หากเป็นต้นเดือนเชื่อว่าหลายคนก็อยากสปอยล์ตัวเองด้วยอาหารอร่อยๆ ดีๆ มีบรรยากาศ ถ้าแนวนี้ก็ต้องร้านอาหารดูดีสักนิด แต่หากเริ่มคืบเข้าช่วงปลายเดือนอาจต้องมีการจำกัดงบบ้าง ยิ่งถ้าสิ้นเดือนแล้วต้องเป็นเมนูประหยัดแน่นอน

เรามาลองหาคำตอบกันดีกว่าค่ะ ว่าทริคที่เราเสมอไปจะได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร เริ่มจากประโยค กินอะไรดี คำถามแรก : วันนี้ความรู้สึกอยากอะไร ตอบ : วันนี้รู้สึกเหมือนเหล่าสิงโตที่กระหายอยากกินเนื้อๆ โปรตีนเยอะๆ เน้นอร่อย (ร้านปิ้งย่างญี่ปุ่น หมูกระทะ สเต๊ก ชาบู) คำถามที่สอง : แล้วอยากได้อารมณ์แบบไหนล่ะ ตอบ : อยากได้อารมณ์แบบบาร์ญี่ปุ่นๆ ในเมืองเผื่อจะจิบต่อสักนิด หรือจะนั่งกินไปจิบไปเมาท์ไปก็ท่าจะดี (ร้านสไตล์บาร์ญี่ปุ่นหรือร้านอิซากายะ ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่ราคาต่อหัวเกิน 600 บาท) คำถามที่สาม : วันนี้มีงบเท่าไร ตอบ : งบกลางๆ ยังพอจ่ายแบบสบายได้อยู่ เมื่อได้วิเคราะห์คำตอบออกมาแล้ว จะได้ออกมาเป็นร้านปิ้งย่างสไตล์บาร์ญี่ปุ่น ที่ตอนนี้มีให้เลือกมากมายยิ่งโลเคชั่นเป็นในเมืองไทย มีให้เลือกเพียบค่ะ

เห็นไหมคะ ว่าหากเรามีหลักการที่ดีก็จะสามารถหาคำตอบได้ไม่ยาก อย่ามองว่าคำถาม “กินอะไรดี” เป็นคำถามโลกแตกที่แสนน่าเบื่อเลยค่ะ มองอีกด้านหนึ่งคนที่ถามก็อยากให้เพื่อนทุกคนถูกใจโดยการให้ออกความคิดเห็นร่วมกัน ไม่เชื่อครั้งหน้าที่นัดกันลองมีใครคนใดคนหนึ่งมัดมือชก เลือกร้านที่ตัวเองอยากจะไปเพียงร้านเดียวไม่มีตัวเลือกอื่นสิคะ รับรองได้เลยว่าต้องมีคนแอบเคืองแน่นอน หลายครั้งที่เรานึกไม่ออกว่าอยากจะรับประทานอะไร ลองฟังเสียงอารมณ์ในวันนั้นๆ ดูสิคะ ฟังเสียงร่างกายตัวเองแล้วเราก็จะพอทราบคร่าวๆ ได้ว่าวันนี้ควรจะรับประทานอาหารประเภทไหน เช่นช่วงที่สาวๆ มีรอบเดือนมักจะหิวเป็นพิเศษ หรืออยากรับประทานอาหารรสจัด เพราะเสียงของร่างกายสั่งการให้คุณหาอะไรที่เพิ่มความสดชื่น คลายอาการท้องอืด และไม่สบายตัว หรือช่วงที่รับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไปร่างกายก็จะส่งข้อความไปที่สมองสั่งให้คุณอาหารที่มีกากใยหรือผักผลไม้เพิ่มมากขึ้นเพื่อไปรักษาสมดุลให้กับร่างกาย นี่แหละคือที่มาของคำถามแรกที่ว่า วันนี้มีความรู้สึกอยากอะไร หากมีคำถามว่ากินอะไรดี จงถามตัวเองก่อนเลยว่า วันนี้ร่างกายของคุณต้องการอะไร